สายนาฬิกา กับไลฟ์สไตล์เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ละคนมีพฤติกรรม สถานะทางสังคม
และความชอบที่แตกต่างกัน อันส่งผลให้มีอุปนิสัยการวางตัว การแสดงออก รวมถึงภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ 1 ล้านคน จะทำให้เกิดสไตล์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านสไตล์ ซึ่งแต่ละสไตล์อาจเหมือนกันบ้าง
แค่เพียงหน้าปัดที่แตกต่าง ไม่เพียงพอต่อการใช้ไลฟ์สไตล์ของพวกเขาอีกต่อไป การสั่งตัดสายนาฬิกาจึงถือกำเนิดขึ้น และนี่ไม่ได้เป็นแค่ตัวแทนในการบอกเล่าถึงตัวตน แต่ยังสามารถช่วยปรับอารมณ์ของเราได้อีกด้วย และดูเหมือนว่า การเปลี่ยนสายนาฬิกาตามไลฟ์สไตล์ความชอบ คือสิ่งที่ทำได้ง่าย และจับต้องได้มากที่สุด
วันนี้เราจึงอาสาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับส่วนต่างๆ ของนาฬิกาก่อนที่จะเปลี่ยน รวมถึงวิธีการเปลี่ยนสายด้วยตัวเอง ฉบับมือใหม่ ไม่ยาก และไม่ง่าย อ่านต่อไปได้เลย
1. Lug-Width
คือ ความกว้างของสายนาฬิกา ฝั่งที่ต้องติดกับตัวเรือน มีหน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร (mm.)
โดยมาตรฐานในนาฬิกาเกือบทุกยี่ห้อ ขนาดมักจะเป็นเลขคู่เสมอ เช่น 20mm. 22mm. 24mm. 26mm. เป็นต้น
แต่ก็มีนาฬิกาบางรุ่น บางยี่ห้อ ที่ทำขนาดมาไม่ปกติทำให้หาสายใส่ยากมาก
2. BUCKLE SIDE
เมื่อรู้ขนาดของ Lug-Width แล้ว ส่วนต่อมาคือ BUCKLE SIDE
เช่น บางคนชอบสายแบบตัดตรงเท่ากันทั้งเส้น (เป็นแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้า)
ยกตัวอย่างถ้านาฬิกาเราใช้สายขนาด 20mm. เราต้องสั่งตัดสายขนาด 20*20 mm.
แต่สำหรับคนที่ชอบให้ปลายสายค่อยๆบีบเรียวลงมาเป็นตัว V จะต้องสั่งตัดเป็นแบบ 20*18mm.
**ทั้งนี้ถ้าคุณต้องการใช้หัวบัคเคิลรัดสายของเดิม(BUCKLE) ต้องอย่าลืมเช็คขนาดของบัคเคิลเดิมที่ใช้อยู่ด้วยว่าขนาดเท่าไหร่
เพราะส่วนมากสายนาฬิกาเดิมๆ มักทำสายแบบเรียวเป็นตัว V
พอเราสั่งตัดสายนาฬิกาแบบตัดตรง จะทำให้คุณต้องซื้อหัวบัคเคิลใหม่ที่ไม่มีแบรนด์ (After Market Buckle)
3. รูปแบบของสาย
สายมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสายโลหะ สายยาง สายผ้าไนลอน หรือสายหนัง ซึ่งแต่ละชนิดก็จะเหมาะกับการใช้งานแตกต่างกัน เช่น สายหนังจะไม่เหมาะกับการใส่ลุยน้ำ หรือโดนเหงื่อจำนวนมาก เพราะอาจจะทำให้หนังมีกลิ่นเหม็น ดังนั้นสายหนังจึงเหมาะกับการใส่ทำงานในห้องแอร์ หรือใส่ออกงานมากกว่า
แต่ เมื่อเราต้องการใส่ว่ายน้ำ หรือ ช่วงหน้าฝนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็สามารถหาสายยาง หรือ สายผ้า มาใช้สลับเพื่อลุยได้ เพราะนี่แหละคือความสนุกของการเปลี่ยนสาย
4. ขนาดข้อมือ
สิ่งสำคัญที่สุดของการเลือกสายนาฬิกา คือ ต้องรู้ขนาดข้อมือของตัวเราเองก่อน เพื่อความเหมาะสมในการเลือกความยาวสายให้พอดี โดยสามารถเทียบตาราง ได้ดังนี้
2. ถอดสายนาฬิกาเส้นเก่า
นาฬิกาแต่ละแบบจะมีวิธีการถอดสายที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่านาฬิกาเราใช้สายประเภท สกรู หรือ สปริงบาร์ ในการยึดสายนาฬิกา
- สกรู คือ น็อตยึดสายที่เป็นแกนยาว และมีหัวน็อตสำหรับขันออก สามารถใช้ไขควงขันออกได้เลย
ไม่ยาก แต่แนะนำให้ใช้นิ้วมือข้างที่จับนาฬิกา รองปลายไขควงระหว่างขันออก
เพื่อป้องกันไม่ให้ปลายไขควง พลาดสะบัดไปโดนตัวเรือนนาฬิกา
- สปริงบาร์ คือแกนยึดสายนาฬิกาแบบที่ปลายแกนทั้งสองข้างเป็นสปริง เวลาถอดต้องใช้สปริงทรู(Spring Tool)
ในการถอด โดยการใช้ด้านที่เป็นเขี้ยว เกี่ยวสปริงบาร์ระหว่างสายกับตัวเรือน ข้างใดข้างหนึ่งออก ก็จะสามารถดึงสายออกมาได้
3. วิธีการใส่สายนาฬิกา
เช่น การใส่สายนาฬิกาแบบสกรูทำได้ง่ายโดยการใช้ไขควง ไขสกรูยึดสายกลับเข้าไปที่เดิม
แต่การใส่สายนาฬิกาแบบสปริงบาร์นั้นอาจยากสักหน่อยสำหรับมือใหม่ ขั้นตอนแรกคือ นำสปริงบาร์ที่พึ่งถอดออกมา ใส่กลับเข้าไปในสายนาฬิกาเส้นใหม่ แล้วจึงนำไปเกี่ยวไว้กับขานาฬิกาด้านใดด้านหนึ่งก่อน แล้วจึงใช้ที่สปริงทรู ค่อยๆ กดลงบนสปริงบาร์อีกด้านหนึ่ง เข้าไปเกี่ยวไว้กับขานาฬิกาอีกด้านให้ลงล็อก ต้องระวังเครื่องมือ ไม่ให้สะบัดขูดจนสาย หรือ พลาดไปโดนตัวเรือนนาฬิกา ถ้าไม่มั่นใจแนะนำให้ใช้เทปกาวแปะรอบๆตัวเรือนเอาไว้ก่อนใส่สายนาฬิกา สุดท้ายให้ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง โดยการดึงเบาๆ ระหว่างสายกับตัวเรือน หากสายไม่หลุด ดูแข็งแรง แสดงว่าเราสามารถเปลี่ยนสายได้สำเร็จแล้ว
นี่คือการเปลี่ยนสายนาฬิกาที่อาจจะไม่ง่ายสำหรับมือใหม่ในช่วงแรก เพราะต้องอาศัยความใจเย็น และความนิ่งของมือในระดับนึง แต่สุดท้ายแล้วถ้าคุณได้ถอด-เปลี่ยนสายนาฬิกาบ่อยขึ้น คุณจะรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากและใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาสายนาฬิกาในแบบที่ไม่ซ้ำใคร และช่วงบ่งบอกรสนิยมในตัวคุณ
ร้านสายนาฬิกา AMBKK พร้อมให้คำแนะนำ ด้วยความชำนาญของเรา และการใส่ใจในทุกรายละเอียด
ไม่ว่าเรื่อง คุณภาพของหนัง และ คุณภาพของการตัดเย็บที่เราต้องทำด้วยมือทุกขั้นตอน อีกทั้งเรายังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนาฬิกาเป็นอย่างดี ทำให้เราสามารถสั่งตัดสายนาฬิกาได้แทบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น PANERAI, ROLEX , OMEGA หรือ APPLE WATCH และที่สำคัญเรามีหนังนำเข้าจากทั่วโลกให้คุณเลือก
กว่า 100 ชนิด ครบ และ จบ ในที่เดียว
แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ใช่ทั้งหมด
ดังนั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่บางคนได้มา ความสวยในรูปแบบ Original ไม่สามารถสนองโจทย์พวกเขาได้ และนี่คือที่มาของอาชีพเกี่ยวกับศิลปะการปรับแต่งที่มีมากมาย ตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์ สำหรับคนที่ชอบความท้าทาย พวกเขาจะนำรถยนต์เข้าอู่เพื่อปรับแต่งให้เร็วและแรงขึ้น หรือคนที่ชื่นชอบนาฬิกา อาจมีการสั่งตัดสายในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครซ้ำได้
วันนี้เราจึงอาสาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับส่วนต่างๆ ของนาฬิกาก่อนที่จะเปลี่ยน รวมถึงวิธีการเปลี่ยนสายด้วยตัวเอง ฉบับมือใหม่ ไม่ยาก และไม่ง่าย อ่านต่อไปได้เลย
ส่วนต่างๆ ที่ต้องรู้ก่อนเปลี่ยนสาย
คือ ความกว้างของสายนาฬิกา ฝั่งที่ต้องติดกับตัวเรือน มีหน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร (mm.)
โดยมาตรฐานในนาฬิกาเกือบทุกยี่ห้อ ขนาดมักจะเป็นเลขคู่เสมอ เช่น 20mm. 22mm. 24mm. 26mm. เป็นต้น
แต่ก็มีนาฬิกาบางรุ่น บางยี่ห้อ ที่ทำขนาดมาไม่ปกติทำให้หาสายใส่ยากมาก
2. BUCKLE SIDE
เมื่อรู้ขนาดของ Lug-Width แล้ว ส่วนต่อมาคือ BUCKLE SIDE
เช่น บางคนชอบสายแบบตัดตรงเท่ากันทั้งเส้น (เป็นแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้า)
ยกตัวอย่างถ้านาฬิกาเราใช้สายขนาด 20mm. เราต้องสั่งตัดสายขนาด 20*20 mm.
แต่สำหรับคนที่ชอบให้ปลายสายค่อยๆบีบเรียวลงมาเป็นตัว V จะต้องสั่งตัดเป็นแบบ 20*18mm.
**ทั้งนี้ถ้าคุณต้องการใช้หัวบัคเคิลรัดสายของเดิม(BUCKLE) ต้องอย่าลืมเช็คขนาดของบัคเคิลเดิมที่ใช้อยู่ด้วยว่าขนาดเท่าไหร่
เพราะส่วนมากสายนาฬิกาเดิมๆ มักทำสายแบบเรียวเป็นตัว V
พอเราสั่งตัดสายนาฬิกาแบบตัดตรง จะทำให้คุณต้องซื้อหัวบัคเคิลใหม่ที่ไม่มีแบรนด์ (After Market Buckle)
สายมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสายโลหะ สายยาง สายผ้าไนลอน หรือสายหนัง ซึ่งแต่ละชนิดก็จะเหมาะกับการใช้งานแตกต่างกัน เช่น สายหนังจะไม่เหมาะกับการใส่ลุยน้ำ หรือโดนเหงื่อจำนวนมาก เพราะอาจจะทำให้หนังมีกลิ่นเหม็น ดังนั้นสายหนังจึงเหมาะกับการใส่ทำงานในห้องแอร์ หรือใส่ออกงานมากกว่า
แต่ เมื่อเราต้องการใส่ว่ายน้ำ หรือ ช่วงหน้าฝนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็สามารถหาสายยาง หรือ สายผ้า มาใช้สลับเพื่อลุยได้ เพราะนี่แหละคือความสนุกของการเปลี่ยนสาย
4. ขนาดข้อมือ
สิ่งสำคัญที่สุดของการเลือกสายนาฬิกา คือ ต้องรู้ขนาดข้อมือของตัวเราเองก่อน เพื่อความเหมาะสมในการเลือกความยาวสายให้พอดี โดยสามารถเทียบตาราง ได้ดังนี้
ข้อมือ 6 - 6.5 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 120/70 mm.
ข้อมือ 6.6 - 7.0 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 125/75mm. (ขนาดมาตรฐานข้อมือคนไทย)
ข้อมือ 7.1 - 7.5 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 130/80mm.
ข้อมือ 7.6 - 8.0 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 135/80mm.
ข้อมือ 8.1 - 8.5 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 140/85mm.
ข้อมือ 8.6 - 9.0 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 145/90mm.
** อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการวัดคร่าวๆเท่านั้น เพราะขนาดของตัวเรือนนาฬิกา ก็มีผลต่อการเลือกความยาวให้พอดีกับข้อมือ ดังนั้น หากเรามีนาฬิกาอยู่แล้ว เราแนะนำให้คุณวัดขนาดสายนาฬิกาเดิมดูก่อน ว่ายาวไปหรือสั้นไป แล้วค่อยมาเพิ่มหรือลด ตอนสั่งตัดสายนาฬิกาอีกที
1.เตรียมอุปกรณ์ในการเปลี่ยน
สำหรับการเปลี่ยนสายให้สมบูรณ์แบบ ใกล้เคียงมืออาชีพ อุปกรณ์สำคัญที่เราต้องมี คือ ไขควง และ สปริงทรู (Spring Tool)ใช้สำหรับกดสปริงบาร์ในกรณีที่น็อตยึดสายไม่มีหัวน็อตให้ไข เราแนะนำให้คุณหาซื้ออุปกรณ์แบบที่ใช้สำหรับเปลี่ยนสายนาฬิกาโดยเฉพาะ เพราะเนื้อวัสดุจะไม่แข็งมากเกินไปซึ่งมันอาจทำให้น็อตยึดสายนาฬิกาบิ่นจนไขไม่ออกได้
ข้อมือ 6.6 - 7.0 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 125/75mm. (ขนาดมาตรฐานข้อมือคนไทย)
ข้อมือ 7.1 - 7.5 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 130/80mm.
ข้อมือ 7.6 - 8.0 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 135/80mm.
ข้อมือ 8.1 - 8.5 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 140/85mm.
ข้อมือ 8.6 - 9.0 นิ้ว จะต้องใช้สายยาว: 145/90mm.
** อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการวัดคร่าวๆเท่านั้น เพราะขนาดของตัวเรือนนาฬิกา ก็มีผลต่อการเลือกความยาวให้พอดีกับข้อมือ ดังนั้น หากเรามีนาฬิกาอยู่แล้ว เราแนะนำให้คุณวัดขนาดสายนาฬิกาเดิมดูก่อน ว่ายาวไปหรือสั้นไป แล้วค่อยมาเพิ่มหรือลด ตอนสั่งตัดสายนาฬิกาอีกที
วิธีการเปลี่ยนสายนาฬิกา
1.เตรียมอุปกรณ์ในการเปลี่ยน
สำหรับการเปลี่ยนสายให้สมบูรณ์แบบ ใกล้เคียงมืออาชีพ อุปกรณ์สำคัญที่เราต้องมี คือ ไขควง และ สปริงทรู (Spring Tool)ใช้สำหรับกดสปริงบาร์ในกรณีที่น็อตยึดสายไม่มีหัวน็อตให้ไข เราแนะนำให้คุณหาซื้ออุปกรณ์แบบที่ใช้สำหรับเปลี่ยนสายนาฬิกาโดยเฉพาะ เพราะเนื้อวัสดุจะไม่แข็งมากเกินไปซึ่งมันอาจทำให้น็อตยึดสายนาฬิกาบิ่นจนไขไม่ออกได้
นาฬิกาแต่ละแบบจะมีวิธีการถอดสายที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่านาฬิกาเราใช้สายประเภท สกรู หรือ สปริงบาร์ ในการยึดสายนาฬิกา
- สกรู คือ น็อตยึดสายที่เป็นแกนยาว และมีหัวน็อตสำหรับขันออก สามารถใช้ไขควงขันออกได้เลย
ไม่ยาก แต่แนะนำให้ใช้นิ้วมือข้างที่จับนาฬิกา รองปลายไขควงระหว่างขันออก
เพื่อป้องกันไม่ให้ปลายไขควง พลาดสะบัดไปโดนตัวเรือนนาฬิกา
- สปริงบาร์ คือแกนยึดสายนาฬิกาแบบที่ปลายแกนทั้งสองข้างเป็นสปริง เวลาถอดต้องใช้สปริงทรู(Spring Tool)
ในการถอด โดยการใช้ด้านที่เป็นเขี้ยว เกี่ยวสปริงบาร์ระหว่างสายกับตัวเรือน ข้างใดข้างหนึ่งออก ก็จะสามารถดึงสายออกมาได้
เช่น การใส่สายนาฬิกาแบบสกรูทำได้ง่ายโดยการใช้ไขควง ไขสกรูยึดสายกลับเข้าไปที่เดิม
แต่การใส่สายนาฬิกาแบบสปริงบาร์นั้นอาจยากสักหน่อยสำหรับมือใหม่ ขั้นตอนแรกคือ นำสปริงบาร์ที่พึ่งถอดออกมา ใส่กลับเข้าไปในสายนาฬิกาเส้นใหม่ แล้วจึงนำไปเกี่ยวไว้กับขานาฬิกาด้านใดด้านหนึ่งก่อน แล้วจึงใช้ที่สปริงทรู ค่อยๆ กดลงบนสปริงบาร์อีกด้านหนึ่ง เข้าไปเกี่ยวไว้กับขานาฬิกาอีกด้านให้ลงล็อก ต้องระวังเครื่องมือ ไม่ให้สะบัดขูดจนสาย หรือ พลาดไปโดนตัวเรือนนาฬิกา ถ้าไม่มั่นใจแนะนำให้ใช้เทปกาวแปะรอบๆตัวเรือนเอาไว้ก่อนใส่สายนาฬิกา สุดท้ายให้ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง โดยการดึงเบาๆ ระหว่างสายกับตัวเรือน หากสายไม่หลุด ดูแข็งแรง แสดงว่าเราสามารถเปลี่ยนสายได้สำเร็จแล้ว
นี่คือการเปลี่ยนสายนาฬิกาที่อาจจะไม่ง่ายสำหรับมือใหม่ในช่วงแรก เพราะต้องอาศัยความใจเย็น และความนิ่งของมือในระดับนึง แต่สุดท้ายแล้วถ้าคุณได้ถอด-เปลี่ยนสายนาฬิกาบ่อยขึ้น คุณจะรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากและใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด
ร้านสายนาฬิกา AMBKK พร้อมให้คำแนะนำ ด้วยความชำนาญของเรา และการใส่ใจในทุกรายละเอียด
ไม่ว่าเรื่อง คุณภาพของหนัง และ คุณภาพของการตัดเย็บที่เราต้องทำด้วยมือทุกขั้นตอน อีกทั้งเรายังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนาฬิกาเป็นอย่างดี ทำให้เราสามารถสั่งตัดสายนาฬิกาได้แทบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น PANERAI, ROLEX , OMEGA หรือ APPLE WATCH และที่สำคัญเรามีหนังนำเข้าจากทั่วโลกให้คุณเลือก
กว่า 100 ชนิด ครบ และ จบ ในที่เดียว